วันจันทร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2554

การวิเคราะห์ทางเทคนิค สามารถมองเห็นถีงผลประกอบการล่วงหน้าจริงหรือ

หลายๆ คน เมื่อพูดถึงการวิเคราะห์ทางเทคนิค อาจรู้สึกว่า เป็น อวิชาที่ ไม่มีหลักการใดๆ พิสูจน์ได้ เปรียบเสมือน ทฎษฎี Random Walk หรือการให้ลิงปาเป้า ซึ่งจริงแล้ว การวิเคราะห์ทางเทคนิคส่วนหนี่ง เป็นการอ่านพฤติกรรมของนักลงทุนจากราคาหุ้น (หรือเครื่องจับเท็จ) ที่บ่งบอกว่ามีกลุ่มคนหรือนักลงทุน ว่ามีการคาดการณ์ถึงผลกระทบ ในอนาคตจากปัจจัยทางพื้นฐาน หรือการได้รับข้อมูลภายในล่วงหน้า   โดยหลายครั้งเราจะสามารถเห็นถึงพฤติกรรมของราคาหุ้นที่มีความผิดแปลก แตกต่าง จากหุ้นในกลุ่ม เสมอ ก่อนที่จะมีการแจ้งข่าวสำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งถึงโครงการในอนาคต หรือผลประกอบการ ดังนั้น เพื่อทำให้ทุกท่านเข้าใจมากยิ่งขึ้นผมจึงขอทำตัวอย่างดังนี้ครับ

       หลายๆครั้ง ที่ การปรับตัวขึ้นลงของหุ้นในแต่ละรอบมักมีการ แกว่งตัวขึ้นลงของหุ้นแต่ละตัวได้ไม่เท่ากัน แต่อะไรคือสาเหตุหรือปัจจัยที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งหากพิจารณาให้ดี เมื่อตอนสภาวะตลาด SET index สร้างจุดสูงสุดใหม่ทะลุกรอบแนวต้านที่ 820จุด ในวันที่ 21 กันยายน ที่ผ่านมา นั้นได้ส่งผลให้เกิน Momentum เชิงบวกในระยะกลางทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 908จุด ในช่วงระยะเวลา 4สัปดาห์ต่อจากนั้น คิดเป็นการเปลี่ยนแปลงของดัชนีกว่า +10%
ซึ่งหากเปรียบเทียบกับหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ก็จะเห็นถึงความแตกต่างของการเปลี่ยนแปลงของหุ้นธนาคารแต่ละตัวที่แตกต่างกัน โดยผมจะขอยกตัวอย่างดังนี้
ภาพนี้คือภาพที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นในช่วงวันที่ 20 ก.ย.50 ก่อนที่ตลาดจะปรับตัวขึ้นเหนือ 820จุด โดยภาพบนคือหุ้น SCB , ภาพกลางคือ หุ้น SCIB และ ภาพล่างคือ SETBANK โดยจะเห็นได้ว่า ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคาร (SETBANK) และ SCB มีการปรับตัวขึ้น เป็นลักษณะ uptrend ในขณะที่หุ้น SCIB มีการแกว่งตัวในกรอบแคบ และปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย โดยหากเราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดขึ้น ท่านสามารถดูได้ในภาพ ถัดไปนี้
จากภาพท่านจะเห็นว่า หุ้น SCB มีการปรับตัวเปลี่ยนแปลงสูงสุด เมื่อเทียบกับราคาปิดในวันที่ 20 ก.ย.50 ที่ +12.75%  ส่วน SETBANK เปลี่ยนแปลงสูงสุด +11.25% ในขณะที่ หุ้น SCIB เปลี่ยนแปลงสูงสุดที่ 6.15% ซี่งหากมีใครได้ซื้อหุ้น SCIB ไปก็คงต้องอีดอัด ว่าทำไมหุ้น ไม่ไปไหน Side way ตลอด จะโผล่หัวขึ้นไปเมื่อไหร่ ก็ถูกคนขายใส่   มา ณ บัดนี้ ผมว่าหลายท่านคนพอจะเข้าใจถึงเหตุและผลการบ้างแล้ว จากผลประกอบการในไตรมาส 3 ที่ออกมาให้ความกระจ่าง  โดยในวันที่ 22 ตุลาคม 2550 เวลา 9.00 น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น